วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การดูแล รักษา ไม้กวาด

ไม่ควรเก็บไม้กวาดโดยเอาทางด้านขนปักกับพื้น เพราะจะทำให้หมดอายุการใช้งานเร็ว ถ้าไม่มีห่วงสำหรับแขวน ควรใส่ห่วงหรือเจาะรูที่ปลายด้าม แล้วใช้เชือกร้อย ทำห่วงสำหรับแขวน สำหรับไม้กวาดที่มีขนแข็ง ควรชุบน้ำให้เปียกบ้าง เพื่อไม่ให้เปราะหักง่าย

การดูแล รักษา เลื่อยฉลุ

การบำรุงรักษาเลื่อยฉลุให้ใช้งานได้ในสภาพดีอยู่เสมอ มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 
1. เลือกชนิด ขนาดของใบเลื่อยให้เหมาะกับลักษณะของไม้หรือชิ้นงานและชนิดของวัสดุที่ต้องการนำมาใช้กับเลื่อยฉลุ 
2 ยึดจับใบเลื่อยให้ติดกับโครงเลื่อย ให้ฟันของเลื่อยด้านที่กินเนื้อไม้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องกับลกษณะการใช้เลื่อยฉลุ 
3.ปรับตั้งใบเลื่อยที่ยึดติดกับโครงเลื่อยให้มีความตึงไม่อ่อนตัวขณะทำการเลื่อยฉลุชิ้นงาน 
4. ขณะทำการเลื่อยฉลุชิ้นงาน ไม่ควรบิดหรือกดให้ใบเลื่อยกินเนื้อไม้ตามแนวเส้น ถ้าจำเป็นให้เลื่อยขยายทางเลื่อยให้ใบเลื่อยสามารถบิดตัวกินเนื้อไม้ตามแนวเส้นได้
5. หลีกเลี่ยงการวางของหนักทับเลื่อยฉลุเพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย
6. เมื่อเลิกใช้งานให้อดใบเลื่อยออกจากโครงเลื่อยฉลุทันที 
7. ทาน้ำมันเครื่องชนิดเหลวตรงส่วนที่จะเกิดสนิมได้ ก่อนนำเลื่อยฉลุเข้าที่เก็บทุกครั้ง

การดูแล รักษา ค้อน

การใช้งานค้อนหงอนที่เป็นอุปกรณ์ประเภทตอก มีลักษณะการใช้งานและข้อควรระวัง ดังนี้
1. ในการใช้ค้อนทุกชนิด ควรจับค้อนที่บริเวณปลายด้ามของค้อน และในการตอกงานต้องให้ชิ้นงานสัมผัสกับหน้าค้อนโดยตรง เพื่อให้ชิ้นงานได้รับน้ำหนักที่สม่ำเสมอ
2. สำหรับค้อนหงอนที่ใช้ตอกตะปู ควรตอกโดยให้หน้าค้อนสัมผัสกับหัวตะปู 
3. การใช้ค้อนหงอนถอนตะปู ต้องให้ร่องของหงอนตรงกับหัวตะปู แล้วทำการงัดหัวตะปูไปในทิศทางที่จะไม่ทำให้เกิดอันตราย 
4. ห้ามนำค้อนหงอนไปตอกวัตถุประเภท คอนกรีต กาว หรือน้ำมัน เพราะจะทำให้หน้าค้อนเกิดการชำรุดเสียหาย 
5. ก่อนใช้ค้อนต้องตรวจดูว่าหัวค้อนกับด้ามจับสวมกันแน่นหรือไม่ โดยการใช้มือข้างหนึ่งจับหัวค้อนและอีกข้างหนึ่งจับด้ามบิดค้อนทดสอบดู
6. ใช้มือที่ถนัดจับด้ามค้อน นิ้วก้อยอยู่ห่างจากปลายด้ามประมาณ 25 เซนติเมตร 
7. วางค้อนลงบนหัวตะปูหรือชิ้นงานที่จะตอก 
8. ตาจับอยู่ชิ้นงาน 
9. หากเป็นการตอกตะปู ทำการตอกเบาๆให้ตะปูเกาะเนื้อไม้เสียก่อน 
10. ยกค้อนสูงประมาณระดับหัวไหล่ ด้ามค้อนอยู่ในแนวดิ่ง
11. ตอกให้หน้าค้อนสัมผัสกับชิ้นงานให้ได้มุมฉาก 
12. ในการตอกตะปูต้องให้น้ำหนักของค้อนเฉลี่ยลงบนหัวตะปูเท่ากัน มิฉะนั้นตะจะเบนหรืองอได้ 
13. ขณะตอกสายตาต้องจับอยู่ที่ตำแหน่งตอก 
14. ทำความสะอาดทุกครั้งที่ใช้งานเสร็จ 
15. ตรวจดูความแข็งแรงและความเรียบร้อยก่อนนำไปเก็บ

การถนอมอาหารโดยการดอง

การถนอมอาหารโดยการดอง โดยใช้จุลินทรีย์บางชนิดที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ โดยจุลินทร์ทรีย์นั้นจะสร้างสารบางอย่างขึ้นมาในอาหาร ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ตัวอื่นๆได้ ดังนั้นผลของการหมักดองจะทำให้อาหารปลอดภัยจากจุลินทร์ทรีย์ชนิดอื่นๆ และยังทำให้เกิดอาหารชนิดใหม่ๆที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม เป็นการเพิ่มกลิ่น และรสชาติของอาหารให้แปลกออกไปการถนอมอาหารโดยการดองมีหลายวิธีดังนี้ --การดองเปรี้ยว ผักที่นิยมนำมาดอง เช่น ผักกาดเขียว กะหล่ำปลี ผักเสี้ยน ถั่วงอก เป็นต้น วิธีทำคือนำเอาผักมาเคล้ากับเกลือ โดยผสมน้ำเกลือกบน้ำส้มต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาเทราดลงบนผักที่เรียงไว้ในภาชนะ เทให้ท่วมผักปิดฝาภาชนะไม่ให้ลมเข้า หมักทิ้งไว้ 4-7 วัน ก็นำมารับประทานได้ -- การดอง 3 รส คือ รสเปรี้ยว เค็ม หวาน ผักที่นิยมดองแบบนี้คือ ขิงดอง กระเทียมสด ผักกาดเขียน การดองชนิดนี้คือ นำเอาผักมาเคล้ากับเกลือแล้วผสมน้ำส้ม น้ำตาล เกลือ ต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมาเทราดลงบนผักปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน ก็นำมารับประทานได้ -- การดองหวาน ผักและผลไม้ที่นิยมนำมาดอง เช่น มะละกอ หัวผักกาด กะหล่ำปลี เป็นต้น โดยต้มน้ำตาล น้ำส้มสายชู เกลือ ให้ออกรสหวานนำให้เดือดทิ้งไว้ให้เย็น เทราดลงบนผักผลไม้ ทิ้งไว้ 2-3 วัน ก็นำมารับประทานได้ -- การดองเค็ม อาหารที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อสัตว์และผัก เช่น ปูเค็ม ปลาเค็ม กะปิ หัวผักกาดเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น ต้มน้ำส้มสายชูและเกลือให้ออกรสเค็มจัดเล็กน้อยให้เดือดทิ้งไว้ให้เย็น กรองใส่ภาชนะที่จะบรรจุอาหารดอง แล้วหมักทิ้งไว้ 4-9 เดือนจึงนำมารับประทาน -- การหมักดองที่ทำให้เกิดแอลกอฮอล์ คือการหมักอาหารพวกแป้ง น้ำตาล โดยใช้ยีสต์เป็นตัวช่วยให้เกิดแอลกอฮอล์ เช่น ข้าวหมาก ไวน์ เป็นต้น


การถนอมอาหารด้วยการรมควัน

คือ การที่นำเนื้อผลไม้ที่สุกแล้วผสมกับน้ำตาล โดยใช้ความร้อน เพื่อกวนผสมให้กลมกลืนกัน โดยมีรสหวาน และให้เข้มข้นขึ้น การใส่น้ำตาลในการกวนมี 2 วิธี คือ ใส่น้ำตาลแต่น้อยใช้กวนผลไม้ เพื่อทำแยม เยลลี่ เป็นต้น และการกวนโดยใช้ปริมาณน้ำตาลมาก เช่น การกวนผลไม้แบบแห้ง เช่น กล้วยกวน สับปะรดกวน ทุเรียนกวน เป็นต้น

การถนอมอาหารด้วยวิธีการกวน

คือ การที่นำเนื้อผลไม้ที่สุกแล้วผสมกับน้ำตาล โดยใช้ความร้อน เพื่อกวนผสมให้กลมกลืนกัน โดยมีรสหวาน และให้เข้มข้นขึ้น              
การใส่น้ำตาลในการกวนมี  2 วิธี คือ ใส่น้ำตาลแต่น้อยใช้กวนผลไม้ เพื่อทำแยม เยลลี่ เป็นต้น และการกวนโดยใช้ปริมาณน้ำตาลมาก เช่น การกวนผลไม้แบบแห้ง เช่น กล้วยกวน สับปะรดกวน ทุเรียนกวน เป็นต้น



ต้นกันเกรา

กันเกรามีชื่อเรียกต่างกันไปคือ ภาคกลาง เรียก กันเกรา ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก มันปลา ส่วนภาคใต้ เรียก ตำแสง หรือตำเสา ซึ่งถือเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง อันมีชื่อเป็นมงคลและมีคุณสมบัติที่ดีในการใช้ประโยชน์ คือชื่อกันเกรา หมายถึง กันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้มาทำอันตรายใดๆ ชื่อตำเสา คือ จะเป็นมงคลแก่เสาบ้านไม่ให้ปลวก มอด แมลงต่างๆเจาะกิน ชื่อมันปลา น่าจะเป็นลักษณะของดอกที่เหมือนกับไขมันของปลาเมื่อลอยน้ำไขมันของปลาในถ้วยน้ำแกง โดยเฉพาะช่วงข้าวใหม่ปลามันที่ปลาจะมีความมันและเอร็ดอร่อยเป็นที่สุด